ฮูเร่! วันนี้ได้ฤกษ์เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือคู่ใจใหม่เสียที!
อย่างกับคู่รักพลัดพรากกันมานาน เพิ่งได้ Reunited กันอีกครั้ง สำหรับเจ้า iPhone 16 Pro Max สีไทเทเนียมทะเลทราย ที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกันกับ XS Max (ที่คลอดออกมาก่อนเกือบ 6 ปีเต็ม) ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูราวกับเป็นเนื้อ “ทองแผ่นเดียวกัน” แหม่… คงอย่างที่เขาว่ากันว่า โลกนี้ไม่มีอะไรใหม่ ทุกอย่างแม่งก็เก่าหมด เพียงแค่ Copy ดีๆ ช่วยให้ว้าวได้ “All New Desert Titanuim!”
แต่โดยปกติแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอัพเกรดอะไรบ่อยๆ หากสิ่งนั้นมันยังไม่พังจริงๆ หรือมันต้องทำให้ชีวิต Suffer เจอปัญหารุมเร้านั่นแหละถึงจะต้องเปลี่ยน ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้า XS Max จะสามารถอยู่ทนมือทนไม้ มาด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งเกือบ 6 ปี! ปกติอุปกรณ์ IT 4-5 ปี ก็เตรียมตัวโละแล้ว
นึกย้อนไปวันแรกที่ได้ XS Max มา จำได้เลยว่าเมื่อก่อนนู้นไอโฟนมันหาซื้อได้ยากกว่านี้เยอะเลย รอของนาน ใครอยากได้เครื่องราคาถูกกว่า Apple Official ก็ต้องเข้าไปกดจองซื้อผ่านค่าย Operator ในเว็บ ผมรับเครื่องที่ AIS Serenade ตอนต้นปี 2019 พร้อมโปรโมชั่นผูกแพ็คเกจรายเดือน หวังได้ส่วนลดค่าเครื่อง (รวมแล้วไม่กี่พันบาท) แต่เมื่อพอใช้ไปๆ ถึงเพิ่งเริ่มคิดได้ว่า แพ็คเกจรายเดือนที่จ่ายอยู่มันตั้งเป็นหลักพัน แล้วเราก็ใช้มันได้ไม่คุ้มสักที เพราะไอ้เราก็ไม่ค่อยโทรคุยกับใคร ถึงขั้นหูดับตับไหม้น้ำไหลไฟดับขนาดนั้น เน็ตก็ไม่ค่อยได้เล่นบน Device เล็กๆ แบบนี้ เพราะถนัดทำทุกอย่างบนจอคอมพิวเตอร์สบายตากว่าเยอะ แล้วที่บ้านมี WiFi ที่โคตรจะแรงอยู่แล้ว
กระนั้น เหตุผลที่ถึงเวลาต้องยอมโบกมือลา XS Max ส่งท้ายปี 2024 นี้ เพราะว่า…
- คาปาแบตเตอรี่เหลือแค่ 70% กว่าๆ ต่อให้ชาร์จเต็มจากบ้าน, เสียบชาร์จตอนขับรถมาเต็ม 100% แค่ไหน ก็จะใช้ได้ไม่ถึงวัน บางทีชาร์จเหมือนว่าจะเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ชาร์จไปแล้วตัวเลขแบตไม่ขึ้น ชวนเสียสุขภาพจิตอยู่เนืองๆ หนักสุดคืออยู่ๆ ลดฮวบเกือบไปหมดตอนสำคัญๆ มันก็ชวนเสียวอยู่ เพราะทุกวันนี้หลากหลายธุรกรรมเราก็ต้องทำผ่านมือถือเป็นหลักซะด้วย จริงๆ จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็ได้ แต่พอคำนวณดูราคาค่าเปลี่ยน ณ จุดนี้แล้ว ขอผ่าน…
- วัสดุระบายความร้อนไม่ค่อยดี ยิ่งเล่นแอปไหนที่มันซดพลังงานโหดๆ ก็ได้ “Warm นิ้ว” หลังเครื่องกันไป รุ่นนี้ได้จับถือทีไรไม่มีหรอกนิ้วเย็นๆ มีแต่
เอ็นนิ้วอุ่นๆ น่ะครับ ฮา - เครื่องยังเป็นระบบสัญญาณ 4G อยู่ อย่างเต่า ทั้งที่ราคาเน็ตจ่ายให้เท่ากันกับระบบ 5G
- สแกน Face ID ไม่ติด เหมือนเคยโดนความชื้นเข้าลำโพงครั้งนึง มันเลยอ๊องไปเลยตั้งแต่นั้น ต้องเปลี่ยนจากสแกนหน้า มาเป็นกด Passcode เอา แต่เอาจริงๆ โคตรคิดถึง iPhone ยุคที่ต้อง สแกนนิ้ว จัง… มันจะกลับมาไหมนะ ลุ้น อีก 5-6 ปี ถัดไปว่ากันใหม่
- ที่ร่ำลือกันว่าโทนสีของภาพของ XS Max ถ่ายออกมาแล้วมันนวลเนียนสวยดีจริง อันนี้ก็ต้องยอมรับว่ากล้องถ่ายรูปน่ะเทพ แต่…พอเป็นกล้อง Video สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย มันยังไม่มีแมคานิคกันสั่นข้างใน จะถ่ายฟีล Cinematic Look ก็ขัดใจทุกที
สำหรับ iPhone 16 Pro Max มีซื้อแอคเซสซอรี่เพิ่ม ดังนี้
- ติดฟิล์มกันรอย ติดหน้าจอ ใช้ของ UAG Glass Ultra เพราะมันไม่มีขอบดำมาบัง แต่กระจกเค้าไม่ค่อยลื่นนะ ฟีลฝืดๆ หรือเป็นเพราะยังใหม่อยู่ไม่รู้ รอใช้กันดูต่อไป
- ไม่ได้ติดกันรอยกล้องหลัง เพราะจากประสบการณ์ที่ไม่เคยได้ติดใน iPhone XS Max เช่นกัน ก็ไม่มีปัญหา และชอบภาพชัดๆ เคลียร์ๆ
- เลือกใส่ Case แบบใส ยี่ห้อ Spigen รุ่น Ultra Hybrid T มีปุ่ม Camera Control สีขาวอันนี้เขาทำมาดีจริงๆ ฟีลฟีดแบ็คดี ปุ่มต่างๆ ก็แน่น แปลกใจอีกอย่างที่การจับถือ ให้ผิวสัมผัสดีกว่าต้นฉบับ Apple Clear Case เสียอีก สำหรับของ Apple มันจะลื่นๆ กว่า แล้วผมเป็นคนเหงื่อชอบออกมือเปียก เลยต้องหา Case ที่หลุดมือยากหน่อย ส่วนเรื่องลวดลาย Case นี่แนะนำยาก แต่ส่วนตัวชอบใสๆ มาตลอด เอาไว้ให้ตัวเองเชยชมสภาพรอบตัวเครื่อง อีกทั้ง คนเราน่าจะชอบฟีลบนมือที่ไม่เหมือนกัน ใครมองหา Case ใหม่ ต้องไปลองจับถือเองที่ Apple Store
- สาย USB-A to C ของ Aukey เอามาต่อ Apple CarPlay ในรถ Mazda
ก็หวังว่าจะอยู่ไปด้วยกันอีกหลายๆ ปีนะ เจ้า “16” เจอกันอีกทีอาจจะขึ้นเลข “2x” เลยก็อาจเป็นได้ ส่วนพี่ “XS MAX” ตอนนี้ได้ปลดประจำการแปรสภาพมาเป็นรีโมทเปิดปิด Smart light ภายในบ้านแทน จอมันก็ยังสวยดีอยู่น่ะ เลยไม่ได้คิดเอาไปขายหรือเทิร์น จนกว่าจะพังกันไป…
